เล่าประสบการณ์บริจาคเลือดในต่างแดน
ประสบการณ์บริจาคเลือดต่างแดน
(ภาพจากผู้เขียน)
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ฤกษ์ดีผู้เขียนได้มีโอกาสมาบริจาคเลือดเสียที หลังจากตั้งใจมานมาก ๆ แต่การบริจาคครั้งนี้แตกต่างจากทุก ๆ ครั้งที่ผู้เขียนเคยบริจาคมาค่ะ เพราะครั้งนี้ผู้เขียนมาบริจาคที่ต่างประเทศ
สำหรับการเตรียมตัวนั้น เริ่มอดข้าวอดน้ำตั้งแต่เที่ยงคืนเลยจ้า ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอน เรียกได้ว่าเตรียมทั้งกายและใจ ถามว่าตื่นเต้นไหมขอบอกว่าเต็มคาราเบล เพราะได้ยินแต่คนรู้จักเขาเล่าให้ฟังว่า ถ้าจะไปบริจาคเลือดจะต้องไปรอคิวตั้งแต่เช้ามืด เพราะเขาไม่ได้ทำงานตลอดเวลา ถ้าเกิดไปสายเขาปิดทำการเราก็ต้องไปใหม่อีกรอบ ที่อื่นไม่รู้เป็นอย่างไร แต่ที่จังหวัดอาสติประเทศอิตาลีที่ผู้เขียนอยู่เป็นอย่างนี้ค่ะ
(ภาพจากผู้เขียน)
หลังจากที่เตรียมตัวมาทั้งคืน ก็ได้เวลาออกจากบ้านเพื่อมาบริจาคเลือดอย่างที่ตั้งใจไว้เสียที ผู้เขียนออกจากบ้านมาเวลาตี 5:40 น. อากาศช่วงต้นเดือนมกราคมของที่นี่ยังหนาวเย็นอยู่เลยค่ะ
(ภาพจากผู้เขียน)
จากบ้านมาถึง ร.พ. อาสติใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้เขียนก็ตรงไปยังที่กดบัตรคิวเพื่อเข้ารับบริการทันที แต่ก็มีคุณป้าร้องถามขึ้นมาว่าเราจะทำอะไร สงสัยคงเห็นว่ายืนมองเครื่องกดบัตรคิวแต่ไม่กดสักที
ผู้เขียนเลยบอกเธอไปว่ามาบริจาคเลือด คุณป้าท่านนั้นเลยชี้ไปอีกฝั่งแล้วก็บอกว่าเขาย้ายไปตรงนั้นแล้ว ถ้าจะมาบริจาคต้องไปรอที่นั่น
โชคดีมีคนรอแค่หนึ่งคนรวมกับผู้เขียนก็เป็นสองคน เพราะว่ายังเช้าอยู่นั่นเอง พอนั่งไปสักพักคนก็เริ่มทยอยกันมา รอจนถึงเวลา 07:30 ก็ได้เข้าไปแผนกรับบริจาคเลือด
(ภาพจากผู้เขียน)
ด้านในเขาจะมีล็อคเกอร์ไว้ให้บริการ เราสามารถเก็บสัมภาระรวมถึงเสื้อแจ็คเก็ตไว้ในล็อคเกอร์ได้ ผู้เขียนเลือกที่จะนำกระเป๋าติดตัวเข้าไปด้วย เอาแต่เสื้อแจ็คเก็ตไว้ในล็อคเกอร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
เมื่อถึงคิวของผู้เขียน ก็ได้ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ใช้เอกสารสองอย่างคือบัตรประจำตัวประชาชนของอิตาลี (carta identità) และบัตรสุขภาพ (carta sanitaria) โดยไม่ลืมแจ้งเขาด้วยว่าเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรก
เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบว่าเป็นครั้งแรกที่เรามาเขาก็ยื่นแบบฟอร์มให้เรากรอก เพื่อเขาจะได้เก็บรวบรวมไว้เป็นข้อมูลของผู้บริจาคเลือดค่ะ ซึ่งแบบสอบถามคงคล้ายกับที่อื่น ๆ เพื่อคัดกรองเลือดของผู้บริจาคว่าปลอดภัยสำหรับผู้ที่จะรับบริจาคเลือดไป ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานกับเลือดนั้น ๆ ด้วย
นอกจากประวัติที่เราต้องกรอกให้เจ้าหน้าที่แล้ว เขายังเก็บตัวอย่างเลือดของเราเพื่อนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบ โดยเฉพาะโรคมาลาเรียทางโรงพยาบาลอาสติต้องส่งตัวอย่างเลือดไปตรวจสอบที่โรงพยายาลในจังหวัดตูริน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ที่นั่นน่าจะมีห้องแล็บที่ใหญ่กว่าและอุปกรณ์ครบครันถึงต้องส่งตัวอย่างเลือดไปตรวจที่นั่น
(ภาพจากผู้เขียน)
คุณหมอได้แจ้งให้ผู้เขียนทราบว่าผลตรวจเลือดจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 15 วัน ทางโรงพยาบาลจะส่งจดหมายไปแจ้งที่บ้าน หลังจากที่ทราบผลถ้าทุกอย่างไม่มีปัญหาจึงจะสามารถบริจาคเลือดได้
แต่เนื่องจากผู้เขียนเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศไทยช่วงต้นเดือนสิงหาคมคม คุณหมอเลยแจ้งเพิ่มเติมว่าผู้ที่เดินทางมาจากประเทศไทยต้องเว้นระยะการให้บริจาคเลือดเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อความมั่นใจว่าเราไม่มีเชื้อโรคใด ๆ ที่เป็นอันตรายต่อทีมแพทย์และผู้รับบริจาคเลือดของเราไป
ซึ่งคุณหมอก็ใจดีช่วยผู้เขียนนับ บวกลบกันแล้วก็ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ถึงจะสามารถบริจาคเลือดได้ ผู้เขียนได้แต่ยิ้มสู้ค่ะ ในเมื่อตั้งใจจะบริจาคแล้ว อดทนอีกหน่อยคงไม่เป็นไร ทางโรงพยาบาลเขาเข้มงวดตั้งแต่ตอนนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของคนรับบริจาคเลือดจริง ๆ
(ภาพจากผู้เขียน)
สรุปก็ต้องมาลุ้นผลเลือดกันอีกต่อไปค่ะว่าจะเข้มข้นและสามารถบริจาคได้ไหม ผู้อ่านหละคะเคยบริจาคเลือดกันบ้างไหม ถ้าท่านไหนเคยแล้วก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ ถ้าท่านใดยังไม่เคย อยากจะลองดูน่าจะเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีและน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยนะคะ ในขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนอยู่ยังตื่นเต้นไม่หายเลยค่ะ เพราะเป็นประสบการณ์การบริจาคเลือดที่ต่างประเทศครั้งแรกของผู้เขียน ยุ่งยากอย่างที่คิดไว้เลยค่ะ
สุดท้ายนี้ผู้เขียนขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจกันนะคะ ถ้าใครไปบริจาคเลือดมาแล้ว แวะมาแบ่งปันประสบการณ์กันบ้างนะคะ ผู้อ่านหลาย ๆ ท่าน คงอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วเจอกันใหม่ในบทความถัดไปค่ะ
Writer
Diary on tour
~ วัชราภรณ์ ศิริวรรณา ~
ชอบเขียนชอบเล่า เป็นคนสนุกสนานร่าเริง ชอบพบปะผู้คน รักการท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
ติดตามผลงานอื่น ๆ ของผู้เขียนได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้คะ
ช่องทางการติดต่อ
Email : diasoul44@gmail.com
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCUBi8lp0WEtynSJ5zyLQCCw
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น