ข้าวกี่ เมนูแห่งความสุขและความทรงจำ

"ข้าวกี่...หนึ่งเมนู

แห่งความสุข

และความทรงจำ"




"แสงจันทร์"

       เป็นบทเพลงที่ปูเชื่อว่าหลาย คนที่อายุ 40 อัพต้องคุ้นเคยกันดี  โดยเฉพาะคอเพลงเพื่อชีวิต  ปูเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  หนึ่งในกลุ่มคนที่ชื่นชอบเพลงแนวนี้  เพราะได้ฟังทีไรก็จะอดที่จะหวนนึกถึงบรรยากาศที่บ้านเกิดไม่ได้ 


         อย่าว่าแต่ได้ฟังเพลงเลย  แค่ได้มีโอกาสได้หยุดยืนมองดวงจันทร์สวย ๆ ซึ่งนาน ๆ จะเวียนมาให้เห็นเดือนละครั้ง  ความรู้สึกก็จะวาร์ปเข้าในภวังค์แห่งบรรยากาศท้องทุ่งทันที   ไม่ว่าตอนนั้นปูจะมองดวงจันทร์จากที่ใดในโลกนี้ก็ตาม..


       แน่นอนเวลาที่จิตเราได้ท่องเที่ยวตามจินตนาการแล้วเราก็จะมีความสุข  นึกถึงคนนั้นคนนี้  นึกถึงที่ตรงนั้นตรงนี้ นึกถึงภาพผู้คน การอยู่การกิน ความคิดของเราก็จะเหมือนภาพจิ๊กซอร์ต่อกันไปเรื่อย ๆ 


     และสิ่งสำคัญสำหรับปูอีกเรื่องหนึ่งเมื่อนึกถึงบ้านก็คือของกิน   เห็นปูยกเรื่องของกินขึ้นมาอย่าเพิ่งคิดว่าปูเป็นคนที่เห็นเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่นะคะ   ถ้าใครกำลังคิดอยู่บอกเลยถ้าผิดค่ะ  อ่ะฮ้าาาา


     ที่ปูยกเรื่องของกินขึ้นมา  เพราะบ้านเกิดของปูเวลากินข้าวหรือกินอะไรสักอย่าง  มันคือเวลาแห่งความสุข   เวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัว  กับญาติและกับเพื่อนฝูง  


      ใช่ค่ะมันคือความสุขของปู  ที่ปูชอบวาร์ปกลับไปรำลึก  วาร์ปกลับไปเก็บเกี่ยวมันมาอยู่กับปูให้ได้มากที่สุดนั่นเองค่ะ……


      วันนี้ปูก็จะวาร์ปไปบ้านเกิดในวัยเยาว์อีกครั้งเพื่อไปหาหนึ่งในเมนูแห่งความสุขของปูค่ะ    ทุกคนที่กำลังอ่านพร้อมกันแล้วใช่ไหมคะ  ถ้าพร้อมแล้วเราไปกันเลยค่ะ 

          #ชะแว้บบบ



ณ. อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี


"เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้กกกกกก" 

"เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้กกกกกก"

"เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้กกกกกก"


"ปู.. ปู...ได้ยินบ่.. ปู๊ ‼ ตื่นได้แล้ว ไก่ขันแล้ว…. ลุกไปหานึ่งข้าวนึ่งน้ำ"


        เสียงของแม่ร้องเรียกให้ปูตื่นเพื่อไปก่อไฟ  นึ่งข้าว  และแน่นอนข้าวที่บ้านปูกินประจำนั้นคือข้าวเหนียว  ส่วนข้าวเจ้าปูจำความได้สมัยเด็ก ๆ   มีไม่กี่ครอบครัวที่จะปลูกข้าวเจ้าไว้กิน  เพราะข้าวเจ้ากินแล้วไม่อยู่ท้องสำหรับคนที่ทำไร่ทำนาหรือใช้แรงงาน   เพราะฉะนั้นข้าวที่ผู้คนในหมู่บ้านนิยมปลูกกันคือข้าวเหนียว


        ในเช้ามืดของทุก ๆ วันหลังจากที่ได้ยินเสียงไก่ขันตอบรับกันสองสามครั้ง  จากทางคุ้มกลางบ้านบ้าง จากเถียงกลางทุ่งนาบ้าง  จากคุ้มวัดที่บ้านปูตั้งอยู่บ้าง  เสียง " เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้กกกก " ก็ดังพอและนานพอที่จะปลุกผู้คนให้ตื่นขึ้นมาเพื่อเริ่มหน้าที่การงานของวันใหม่ได้  


         แม่ปูก็ถูกปลุกจากไก่ด้วยเช่นกัน  แล้วก็มาปลุกปูต่อ  เป็นโดมิโน่กันไป  


         เด็กหญิงในวัย 9 ขวบที่ต้องรับหน้าที่ตื่นมานึ่งข้าวให้สมาชิกในบ้านได้กินกัน  ย้อนไปเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้วตามบ้านนอกถือว่าธรรมดามากค่ะ   


       ส่วนหม้อนึ่งข้าวจะไหม้ไปสักกี่ใบก็อีกเรื่องหนึ่ง   และกี่ครั้งที่ทุกคนในบ้านต้องทนกินข้าวที่มีกลิ่นไหม้   ใช่ค่ะนับครั้งไม่ถ้วน   เพราะปูจะเผลอหลับตลอด  บางครั้งก็ไหม้บางครั้งข้าวก็ไม่สุก  ก็ด้วยความเผลอหลับนี่แหละค่ะ  เลยลืมใส่ฟืนเข้าไปในเตาทำให้ไฟดับ  ข้าวที่นึ่งเลยไม่สุก   แต่แม่ก็ฝึกให้ปูรู้จักตื่นเช้า  ฝึกให้รู้จักวิธีก่อไฟ รู้จักวิธีนึ่งข้าวกิน


" เป็นแม่ย่าแม่ยิ๋ง  ให้ฮู้จักตื่นแตเดิกแต่เซ้า

เฮ็ดแนวอยากแนวกิน " 


      ประโยคนี้แม่จะพูดกรอกหูปูแทบทุกวัน จนปูจำได้ขึ้นใจ  และเริ่มชำนาญการก่อไฟและนึ่งข้าวมาจนทุกวันนี้

      

       แทบทุกวันที่ปูรับหน้าที่นึ่งข้าวโดยเฉพาะตอนเช้า  ปูจะมีเมนูหนึ่งเมนูที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ  นั่นก็คือ " ข้าวกี่" หรือในบางพื้นที่จะเรียกว่า "ข้าวจี่ "  ส่วนบ้านปูจะเรียกเมนูนี้ว่า " ข้าวกี่ " 

เพราะคำว่า " กี่" นั้นแปลว่า ปิ้งหรือย่างนั่นเองค่ะ 


       หลังจากที่ปูนึ่งข้าวเสร็จ  ก็จะแบ่งข้าวออกเป็นส่วน ๆ  โดยส่วนที่เป็นข้าวร้อน หรือแถวบ้านปูเรียกว่า " ข้าวฮ้อน " คือส่วนที่อยู่ล่างสุดของมวยข้าว  เป็นข้าวที่เพิ่งแช่ไว้แล้วนำมานึ่ง ไม่ใช่ข้าวที่เหลือแล้วนำมาอุ่น  ข้าวส่วนนี้จะใส่ในกระติ๊บข้าวเพื่อนำไปใส่บาตรพระ  และกระติ๊บไปถวายเพล   


       ข้าวอีกส่วนจะเรียกว่า " ข้าวเย็น " ข้าวส่วนนี้จะเป็นข้าวที่เหลือจากมื้อก่อน ๆ  นำมาอุ่นกับข้าวร้อน  หรือข้าวที่แช่ไว้  โดยข้าวเย็นที่ว่านี้ จะนำมาแบ่งพอคำแล้วเอาไปใส่ในมวยเพื่ออุ่น  โดยจะใส่คลุมบนข้าวสารที่เราแช่เตรียมนึ่ง


       และข้าวเย็นที่ว่านี้แหละค่ะคือพระเอกของเรื่องนี้  5555  เพราะหลังจากที่พระเอก เอ๊ย‼ ข้าวเย็นที่นึ่งเรียบร้อยแล้ว ปูก็จะเอามาทำข้าวกี่กินแซ่บ ๆ  รองท้องก่อนจะได้กินมื้อเช้าค่ะ  บางวันรองท้องเยอะหน่อยก็รวบรัดตัดตอนมื้อเช้าไปในตัวเลยค่ะ 


              


ข้าวกี่บ้านปูส่วนมากจะนิยมกันในช่วงตอนเช้าของหน้าหนาว  เพราะแทบทุกบ้านจะก่อไฟผิงแก้หนาวกัน   และรอบ ๆ กองไฟก็จะมีเด็ก ๆ และผู้เฒ่าผู้แก่บ้านใกล้เรือนเคียง  ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นญาติ ๆ กัน   มาผิงไฟรอบกองไฟ   พร้อมกับเอาปั้นข้าวเหนียวมาโรยเกลือแล้วกี่กับไฟ  เพื่อทำข้าวกี่ป้อนเด็ก ๆ  บางวันโชคดีหน่อยก็จะมีไข่มาทาด้วย  กลิ่นข้าวไหม้หน่อย ๆ บวกกับกลิ่นไข่ที่เริ่มสุก  ก็เรียกน้ำย่อยเด็ก ๆ ได้ไม่น้อย  


        เรียกได้ว่าใครใคร่กี่กี่  ใครไคร่รอข้าวกี่รอค่ะ และในระหว่างนั้นผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะพูดคุยสารทุกข์สุกดิบกัน  บางวันก็มีนิทานมาให้เด็ก ๆ ฟัง  บางวันก็จะเป็นตารางนัดหมายการออกหาปูหาปลา  จะขึ้นเขาลงห้วยก็จะสรุปกันที่รอบกองไฟนี้เลย   ก่อนจะแยกย้ายไปกินข้าวมื้อเช้าที่บ้านของตัวเอง  และไปเจอกันอีกรอบตามสถานที่นัดหมายก่อนหน้าว่าวันนั้น  สมาชิกรอบกองไฟตกลงทำอะไร  ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร 


      #และแน่นอนกิจกรรมก็จะเป็นไปตามฤดูกาลว่าทำอะไรกันได้บ้าง   #อย่างหน้าแล้งคือออกหาปลาในลำห้วยหรือไม่ก็เข้าป่าหาไข่มดแดง


   📌 นี่แหละเป็นเหตุผลว่าทำไมเมนูข้าวกี่จึงเป็นหนึ่งในเมนูโปรดของปู  และทุกครั้งที่กลับบ้านเกิดต้องทำกิน  เพราะเมนูนี้มันอบอวลไปด้วยความรักความทรงจำที่ดี ๆ ว่าครั้งหนึ่งผู้คนมีเวลาให้กันได้มากขนาดไหน 


        เมนูแห่งความสุขและความทรงจำของปูยังไม่หมดแค่นี้นะคะ  มันเพิ่งเริ่มต้นและปูยังจะวาร์ปไปหาความสุขในแบบบ้าน ๆ ต่อไป  


       ถ้าใครชื่นชอบค้นหาความสุขแบบปู  นำมาแบ่งปันกันได้นะคะ  ถ้านึกยังไม่ออกมาวาร์ปไปกับปูได้ค่ะ  ทุกความสุขทุกความทรงจำที่ดี ๆ ปูพร้อมแบ่งปันให้ทุกคนค่ะ  

กับปู

เพจ: อีสานพันทาง

เพจ: Diary On Tour  


—————————-



ความคิดเห็น

  1. คำตอบ
    1. เดี๋ยวไปกี่ให้กิน เอ๊ะ หรือพี่แอนมากินกับปูดีคะ 😍😍😍🙏🙏 ขอบคุณสำหรับคอมเม้นค่ะ 🙏

      ลบ
  2. อ่านไปยิ้มไปค่ะ เห็นภาพวิถีชีวิตของคนอีสาน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ เลยอดที่จะเอามาเล่าให้ฟังค่ะ 😍😍 เดี๋ยวจางหายไปกับอายุ 🙏 ขอบคุณพี่ลักษณ์สำหรับคอมเม้นนะคะ 🙏

      ลบ
  3. นึกถึงสมัยเด็ก ๆ แล้วมีความสุขเนาะจ้า 😍😍😍

    ตอบลบ
  4. คำตอบ
    1. ขอบคุณมากนะคะ ปูกำลังกอดความสุข ที่พอจำได้มาเก็บรวบรวมไว้ที่นี่ เผื่อวันไหนคิดถึงจะได้มาอ่านค่ะ

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

Amazon Shopping

บทความที่ได้รับความนิยม